Featured Stories
ข่าวสารและบทความ — เด็ก BU ตัวแทนเยาวชนไทยคนเดียว บินลัดฟ้าร่วม ASEAN Cyber Shield ที่เกาหลีใต้
เด็ก BU ตัวแทนเยาวชนไทยคนเดียว บินลัดฟ้าร่วม ASEAN Cyber Shield ที่เกาหลีใต้

ขอแสดงความยินดีกับ นายดนุพล เทพสิงห์ นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
มุ่งเน้นวิทยาการข้อมูลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม
“ตัวแทนประเทศไทยเพียง หนึ่งเดียว” เข้าร่วมโครงการ 2nd ASEAN Cyber Shield (ACS) Online
Education Program ณ ประเทศเกาหลีใต้

การเตรียมตัวหกเดือน เส้นทางสู่ความเป็นที่หนึ่ง
การได้รับคัดเลือกเข้าโครงการไม่ได้หมายความว่าจะได้ไปเกาหลีใต้ทันทีแต่ต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้และคัดเลือกที่เข้มข้นอีกยาวนานถึง 6 เดือน แบ่งออกเป็น 2 ระยะที่มีความท้าทายแตกต่างกัน “ช่วง 3 เดือนแรกเป็นการเรียนรู้พื้นฐานผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด ครอบคลุมทุกด้านที่จำเป็นสำหรับนักความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตั้งแต่การเขียนโปรแกรมความปลอดภัยเครือข่าย การโจมตีและป้องกันเว็บไซต์ การเจาะระบบ ไปจนถึงการทดสอบเจาะระบบเบื้องต้น โดยทุกอย่างสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นฐาน คล้ายๆ ที่เรียนในมหาลัยกรุงเทพครับ”


ช่วงที่สอง ความท้าทายที่แท้จริง
หลังจากผ่าน 3 เดือนแรกไป อีก 2 เดือนถัดมาคือการทดสอบที่แท้จริง ช่วงนี้เรียกว่า Advanced Level ซึ่งนักศึกษาต้องเผชิญกับโปรเจ็กต์จริง มีเมนเทอร์จากแต่ละประเทศในเอเชียคอยให้คำปรึกษาและแนะนำ “โปรเจ็กต์หลักที่ต้องทำคือการวิเคราะห์ช่องโหว่ของระบบ หรือที่เรียกว่า CVE Analysis โดย CVE ย่อมาจาก Common Vulnerability and Exposure ซึ่งเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลช่องโหว่ของซอฟต์แวร์และระบบต่างๆ ที่ถูกค้นพบและบันทึกไว้ทั่วโลก โดยต้องวิเคราะห์ช่องโหว่ของระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ ศึกษาว่าช่องโหว่เล็กๆ หลายตัวสามารถนำมารวมกันจนสามารถยึดครองระบบทั้งหมดได้ครับ”
นอกจากความยากของงานแล้ว ยังมีความท้าทายอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ต้องนำเสนอโปรเจ็กต์ถึง 2 รอบ รอบแรกเป็นการรายงานความคืบหน้า และรอบที่ 2 เป็นการนำเสนอขั้นสุดท้าย มีการประเมินคะแนนตลอดเวลา ตั้งแต่การเข้าเรียน การส่งงานตรงเวลา ซึ่งคะแนนเหล่านี้จะส่งผลโดยต่อการได้ไปฝึกอบรมที่เกาหลีใต้ด้วย "โครงการนี้ต้องใช้ความพยายามสูง 5-6 เดือน เลยมีหลายๆคนถอดใจไป" น๊อตสรุปความยากลำบากของโปรแกรมในช่วงนี้ ซึ่งทำให้จำนวนคนค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหลือน๊อตเพียงคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือกไปจนถึงเกาหลีใต้ได้สำเร็จ


ตัวแทนคนไทยคนเดียว บินไปโชว์ทักษะถึงเกาหลีใต้
หลังจากผ่านการเรียนรู้และการประเมินมาได้
สุดท้ายเหลือน๊อตเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือกให้เดินทางไปฝึกอบรมที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการฝึกอบรมที่เกาหลีใต้ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ซึ่งแต่ละวันเต็มไปด้วยการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน “ วันแรกเป็นฟรีเดย์ครับ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้พักผ่อน ผมได้พบปะเพื่อนๆ จากประเทศต่างๆ ในเอเชีย ผมได้เจอกับทีมจากพม่า เขาพาเดินเที่ยวรอบเมืองปูซานเป็นการสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่ดีตั้งแต่วันแรกครับ”
วันที่ 2 เป็นฝึกอบรมจริงจัง เน้นเรื่อง Web Hacking Workshop
ซึ่งเป็นการเรียนรู้เทคนิคการโจมตีและป้องกันเว็บไซต์ในระดับสูง “ทุกอย่างสอนเป็นภาษาอังกฤษ เข้มข้น และเน้นการฝึกปฏิบัติจริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎีอย่างเดียว ผู้เข้าร่วมต้องลงมือทำจริง ทดสอบจริงและแก้ปัญหาจริง”

วันที่ 3 นับเป็นวันที่ท้าทายที่สุดของทั้ง 5 วัน เป็นกิจกรรม Attack and Defense Competition
ที่ทดสอบทักษะทั้งหมดที่เรียนมาตั้งแต่วันแรก “รูปแบบการแข่งขันเป็นการแบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 2 ทีม ทีมโจมตีและทีมป้องกัน ครึ่งวันแรกผู้เข้าร่วมจะอยู่ในฝ่ายโจมตี พยายามใช้เทคนิคต่างๆ ที่เรียนมาเพื่อโจมตีระบบของฝ่ายตรงข้าม ครึ่งวันหลังจะสลับบทบาท กลายเป็นฝ่ายป้องกันที่ต้องพยายามปิดช่องโหว่และป้องกันการโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม” การได้ลงมือทำจริง ต้องคิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้น๊อตได้เรียนรู้มากกว่าการนั่งเรียนในห้องเรียนเป็น 10 เท่า
วันที่ 4 เป็นวันที่พาผู้เข้าร่วมมองไปสู่อนาคตของ Cybersecurity
มีการบรรยายพิเศษจากผู้บริหารระดับสูงและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้าน Cybersecurity จากหลายประเทศ “มีหัวข้อที่น่าสนใจและตื่นเต้นที่สุดคือเรื่อง Quantum Computing หรือคอมพิวเตอร์ควอนตัม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของความปลอดภัยทางไซเบอร์ไปตลอดกาล คอมพิวเตอร์ควอนตัมมีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไป สามารถถอดรหัสผ่านได้เร็วมากจนน่ากลัว ไม่ว่ารหัสผ่านจะยาวหรือสั้น ซับซ้อนหรือง่าย ถ้าใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมในการถอดรหัส เวลาที่ใช้จะสั้นลงอย่างมาก”

วันสุดท้ายเป็นวันนำเสนอผลงานและรับเกียรติบัตร
ผู้เข้าร่วมทุกคนต้องนำเสนอรายงานผลจากกิจกรรม Attack and Defense Competition ที่ทำในวันที่ 3 บอกเล่าถึงกลยุทธ์ที่ใช้ ปัญหาที่พบ และบทเรียนที่ได้รับ “หลังจากนั้นเป็นพิธีมอบเกียรติบัตรและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันครับ"


บทเรียนและสิ่งที่ได้รับจากโครงการ
การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ไม่ได้ให้แค่ความรู้ทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งที่ได้รับมากมาย
“สิ่งแรกคือประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่สามารถหาได้ในห้องเรียน การได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
การได้ลงมือทำจริง สิ่งที่ 2 คือการได้พบปะเพื่อนที่เก่งๆ จากทุกประเทศในภูมิภาค การได้แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองที่แตกต่างกัน และสุดท้ายคือการได้เห็นว่าโลกข้างนอกพัฒนาไปไกลแค่ไหนประเทศอื่นๆ ทำอะไรอยู่บ้าง ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและการไม่หยุดนิ่ง”

การเดินทางในครั้งนี้ของน๊อตต้องขอขอบคุณทางสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดยพันตรี ปวิช บูรพาชลทิศน์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่เป็นผู้ดูแลระหว่างการร่วมกิจกรรม

สำหรับผู้ที่สนใจเรียน Cybersecurity
สำหรับน้องๆ ที่สนใจจะเรียนหรือทำงานด้าน Cybersecurity น๊อตมีคำแนะนำที่มาจากประสบการณ์จริง “ข้อแรก ต้องเข้าใจว่า Cybersecurity เป็นภาพกว้าง ไม่ใช่แค่การแฮกหรือการเขียนโปรแกรมอย่างเดียว แต่ครอบคลุมหลายสาขา
ข้อสองการเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไม่พอ ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ต้องลงมือทำจริง ลองผิดลองถูก แก้ปัญหาจริง เพราะทักษะด้าน Cybersecurity ไม่ใช่ทฤษฎีที่จำได้แล้วเก่งทันที แต่เป็นทักษะปฏิบัติที่ต้องฝึกฝนจนชำนาญ
ข้อสาม ต้องหาโอกาสพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าแข่งขัน การทำโปรเจ็กต์ส่วนตัว
หรือการเข้าร่วมอบรมโปรแกรมต่างๆ ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุด อย่าท้อถอย ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วิธีการโจมตีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันต้องติดตามข่าวสารและอัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าชอบและมุ่งมั่น มันคุ้มค่าอย่างแน่นอน”

แห่งการเรียนรู้
ไปกับ
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ให้เราช่วยเลือกหลักสูตร คณะ สาขาหรือต้องการติดต่อกับเรา
ข้อมูลการศึกษา
ข้อมูลการสมัคร
ติดต่อมหาวิทยาลัย