Featured Stories
ข่าวสารและบทความ — เด็กดิจิทัลมีเดียฯ คว้ารางวัล Pitching Session Young Producer 2025 พิสูจน์ศักยภาพคนรุ่นใหม่พร้อมสร้างสรรค์ผลงาน
เด็กดิจิทัลมีเดียฯ คว้ารางวัล Pitching Session Young Producer 2025 พิสูจน์ศักยภาพคนรุ่นใหม่พร้อมสร้างสรรค์ผลงาน

ขอแสดงความยินดีกับ 2 ทีมนักศึกษาสาขาวิชาภาพยนตร์ คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ ที่คว้ารางวัลจากโครงการ Pitching Session Young Producer 2025 จัดขึ้น ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม โดยสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย
โครงการ Pitching Session Young Producer 2025 เป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการภาพยนตร์ไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการมอบทุนและโอกาสให้กับโปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ได้มีโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์คุณภาพ ด้วยกระบวนการคัดเลือกที่เข้มงวดจากผลงานที่ส่งเข้าร่วมโครงการกว่าร้อยชิ้น คัดเหลือเพียง 20 ผลงานที่มีคุณภาพเพื่อเข้าสู่ค่ายอบรมและพัฒนาศักยภาพ


รางวัลรองชนะเลิศ - ทีมรอยร้าว พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท
สมาชิกทีม
- นายกรภัทร์ จีระดิษฐ์ คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขาภาพยนตร์
- นางสาวกฤษณา โพธิ์ศรีทอง คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขา ภาพยนตร์
ผลงาน "แรงสั่นสะเทือน" นำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความลึกซึ้งของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียแฟนหนุ่มอย่างไร้ร่องรอยภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ บาดแผลทางใจที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องดิ้นรนกับความเจ็บปวดและความสูญเสีย จนกระทั่งวันหนึ่งชีวิตของเธอได้พบกับผู้ชายอีกคนที่ค่อยๆ เข้ามาเยียวยาบาดแผลที่ฝังลึก และค่อยๆ สมานรอยร้าวที่ทิ้งไว้ในหัวใจ เปรียบเสมือนรอยร้าวของแผ่นดินที่ค่อยๆ ถูกเติมเต็มด้วยเวลาและความหวัง ผลงานชิ้นนี้สะท้อนถึงการเยียวยาและการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตผ่านการเปรียบเทียบอย่างชาญฉลาดระหว่างภัยพิบัติทางธรรมชาติกับบาดแผลทางจิตใจ


รางวัลชมเชย - ทีม I Lost My Passport พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท
สมาชิกทีม
- นายณภัทร ขุนล้ำ คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขาภาพยนตร์
- นายณภัทร ประพันธ์เทวา คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ สาขาภาพยนตร์
ผลงาน "I Lost My Passport" เป็นภาพยนตร์ในรูปแบบสารคดีผสมผสานกับฟิกชัน เล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินทางไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศแต่ประสบเหตุการณ์ที่ทำให้พาสปอร์ตหายไป เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาธรรมดากลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับคำถามใหญ่ในชีวิต ระหว่างการตัดสินใจว่าจะเลือกอยู่ต่อในต่างประเทศหรือบินกลับประเทศไทย ท่ามกลางความคิดที่แอบปิดบังไว้ว่าอยากจะย้ายประเทศด้วยเหตุผลทางการเมือง และในขณะเดียวกันก็มีความผูกพันกับคนที่รักและรอเขาอยู่ในประเทศไทย ผลงานชิ้นนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งภายในใจ การตัดสินใจเลือกระหว่างอุดมการณ์กับความรัก และความหมายของคำว่า "บ้าน"
ประสบการณ์อันล้ำค่าจากค่ายอบรม: การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า
ปิ๊ง สมาชิกทีมรอยร้าว เล่าถึงประสบการณ์ในวันแรกของค่ายอบรม "กิจกรรมในวันแรกเปิดโลกทัศน์ได้มากจริงๆ ผมได้นั่งฟังการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำ Proposal ในการขอรับทุนสนับสนุน การหาแหล่ง Funding ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ พูดง่ายๆ คือถ้าเราทำหนังเสร็จแล้ว ผลงานของเราจะมีโอกาสนำไปฉายที่ไหนได้บ้าง จะมีเทศกาลภาพยนตร์ไหนที่เหมาะสมหรือแพลตฟอร์มไหนที่เราควรเข้าถึง"

ปิ๊ง เล่าต่อว่า "นอกจากความรู้ด้านการหาทุนแล้ว สิ่งที่ได้เปรียบก็คือการได้นำ Project ของเรามาสำรวจผ่านสายตาของบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการ พวกเขาจะชี้จุดที่ขาดตกบกพร่อง จุดที่ควรปรับปรุง หรือแม้แต่จุดเด่นที่เราอาจมองข้ามไป มันเหมือนกับการเอา Project ไปทดสอบก่อนที่จะลงมือทำจริง ทำให้เรารู้ว่าควรพัฒนาในส่วนไหน และมั่นใจมากขึ้นว่าโปรเจกต์ของเรามีศักยภาพ"

ข้าวปั้น สมาชิกทีม I Lost My Passport เล่าเสริมเกี่ยวกับกิจกรรมในวันที่ 2 ว่า "วันที่สองมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของโปรดิวเซอร์และผู้อำนวยการผลิตอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทั้งสองตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตภาพยนตร์และที่สำคัญคือทั้งสองตำแหน่งนี้ควรทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้มากที่สุด เพราะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการผลิต สิ่งที่พิเศษมากคือเราได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่างพี่หมู พี่เต๋อ และพี่ไก่ ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์เบื้องหลังการทำงานจริงในฐานะผู้กำกับและผู้อำนวยการผลิต"
ปิ๊งเสริมว่า " ในโลกของการทำภาพยนตร์ไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวเหมือนสูตรคณิตศาสตร์ แม้แต่ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงหรือโด่งดังระดับประเทศและนานาชาติ ทุกวันนี้พวกเขาเองก็ยังอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ยังคงเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา มันทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นคนทำหนังคือการเดินทางที่ไม่มีวันจบ"
ศิลปะของการ Pitching: ทักษะสำคัญที่ขาดไม่ได้
หนึ่งในทักษะสำคัญที่ทั้งสองทีมได้รับจากการเข้าร่วมโครงการคือศิลปะของการ Pitching ซึ่งทั้งสองทีมเน้นย้ำว่าเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนทำภาพยนตร์ในยุคปัจจุบัน "ศิลปะการ Pitching เป็นศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การกำกับหรือการเขียนบท การ Pitching ของคนทำหนังไม่ใช่แค่การนำเสนอข้อมูล แต่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกของหนังออกมาให้คนอื่นได้รับรู้และสัมผัสได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด มันคือการดึงมัดฮุกที่แข็งแรงที่สุดของเรื่องออกมาเพื่อพิชิตใจผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน คณะกรรมการคัดเลือก หรือผู้ชม"

"ภาพยนตร์ที่ดีควรทำให้ผู้ชมได้รับอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ควรจำกัดตัวเองด้วยกรอบหรือสูตรสำเร็จใดๆ ควรเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ตีความ ได้คิด ได้รู้สึก และได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน นั่นคือความงดงามและพลังแท้จริงของภาพยนตร์"

มุมมองของคนทำภาพยนตร์ทางเลือก: ศิลปะและธุรกิจที่สมดุล
เมื่อถามถึงคำนิยามของ "ภาพยนตร์" ในความคิดของพวกเขา ทั้งสองทีมตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ภาพยนตร์ คือการผสมผสานระหว่างศิลปะกับธุรกิจ และไม่ควรมีฝั่งไหนมากกว่าหรือน้อยกว่ากัน ทั้งสองด้านต้องมีความสมดุล" ทั้งสองทีมเปิดเผยว่าพวกเขามีความหลงใหลในภาพยนตร์ทางเลือกหรือที่เรียกกันว่า Independent Film อย่างมาก และได้ให้คำนิยามแนวหนังนี้ว่า "ภาพยนตร์ทางเลือกไม่ได้เน้นหนักไปที่เรื่องของธุรกิจหรือผลกำไรเป็นหลัก แต่จะเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Message หรือสารที่ต้องการจะถ่ายทอดให้กับผู้ชม รวมถึงรูปแบบการเล่าเรื่องที่อาจแตกต่างจากกระแสหลัก"

"ในยุคปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนตร์ส่วนใหญ่มักจะวิ่งตามกระแสหลัก ตามสิ่งที่ตลาดต้องการ ตามสูตรสำเร็จที่ทำให้ขายได้ ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ในอีกด้านหนึ่ง พวกเราก็อยากจะสำรวจพรมแดนของภาพยนตร์ที่มีความหลากหลายมากกว่าที่เราเห็นในตอนนี้ อยากรู้ว่าภาพยนตร์สามารถให้อะไรกับผู้ชมได้มากกว่านี้หรือไม่ มันสามารถตั้งคำถาม ท้าทายความคิด หรือสร้างมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้ชมได้หรือเปล่า" พวกเขาอธิบาย
"พลังของภาพยนตร์ควรจะสามารถส่งผ่านและสร้างผลกระทบให้กับผู้ชมได้ ไม่ใช่แค่การทำให้พวกเขานั่งดูด้วยความดีใจ หัวเราะ หรือร้องไห้ในโรงภาพยนตร์แค่ 2 ชั่วโมงแล้วจบ แต่เมื่อพวกเขาออกจากโรงภาพยนตร์ไป เรื่องราวและสารที่อยู่ในนั้นควรจะค่อยๆ ทำงานในใจ ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงมุมมอง ทำให้เขาคิดและไตร่ตรองถึงสิ่งต่างๆ ในชีวิต นั่นคือพลังแท้จริงของภาพยนตร์ที่เราเชื่อว่ามันควรจะเป็น"

การชมภาพยนตร์คือประสบการณ์ ไม่ใช่แค่ความบันเทิง
ทั้งสองทีมยังได้แบ่งปันมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการรับชมภาพยนตร์ว่า "มีภาพยนตร์มากมายในโลกนี้ที่เราดูแล้วอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่สิ่งที่เราอยากให้ทุกคนลองมองคือ ให้ถือว่าการได้ชมภาพยนตร์แต่ละเรื่องคือประสบการณ์มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของการตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น เพราะแต่ละคนจะได้รับสิ่งที่ภาพยนตร์ส่งมาได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิต บริบท และอารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้นของแต่ละคน"

แนะนำภาพยนตร์ในดวงใจ
ทีมรอยร้าว แนะนำ "สัตว์ประหลาด" (2004) "อยากให้ทุกคนได้ลองดูหนังไทยเรื่องนี้สักครั้ง เป็นหนังที่มีเทคนิคการเล่าเรื่องที่หักมุมสองด้านอย่างชาญฉลาด ตั้งแต่ต้นเรื่องจะค่อยๆ เล่า ค่อยๆ พาเราเข้าไปอยู่ในเรื่องราว ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวละคร และพยายามให้ผู้ชมหาคำตอบไปพร้อมๆ กับการแบ่งครึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผ่านกลวิธีทางการเล่าเรื่องที่ท้าทาย มันเป็นหนังที่ทำให้เราเห็นว่าภาพยนตร์ไทยสามารถไปได้ไกลแค่ไหน และมีความกล้าที่จะทดลองสิ่งใหม่ๆ ได้"
ทีม I Lost My Passport แนะนำ "Satantango" (1994) "เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีความยาวมกว่า 7 ชั่วโมง ที่สะท้อนความอึดอัด ความสิ้นหวัง และชีวิตที่ยากลำบากของชาวบ้านในหมู่บ้านเล็กๆ ของฮังการี เรื่องจะเล่าช้าๆ เนิบๆ มาก ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความอึดอัด ความทรมาน และความว่างเปล่าของชีวิต เหมือนกับที่ชาวบ้านในเรื่องกำลังสัมผัสอยู่"
แห่งการเรียนรู้
ไปกับ
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ให้เราช่วยเลือกหลักสูตร คณะ สาขาหรือต้องการติดต่อกับเรา
ข้อมูลการศึกษา
ข้อมูลการสมัคร
ติดต่อมหาวิทยาลัย